เปิดตำนาน 5 สถานที่หลอน เรื่องผี สุดสยองขวัญ เสียวสันหลัง ในวันฮาโลวีน
ตำนาน สถานที่หลอน เรื่องผี สุดสยอง
เสียวสันหลัง รับ ฮาโลวีน
1. Carta Monastery
โบสถ์คาร์ตา โรมาเนีย
ตำนานบทแรก เราขอเริ่มต้นกันที่ โบสถ์คาร์ตา Carta Monastery ในแคว้นทรานซิลเวเนีย (Transylvania) ประเทศโรมาเนีย ค่ะ โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 และถูกทิ้งร้างไปในช่วงศตวรรษที่ 15 แม้ดูเผินๆ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โบราณสถาน ทั่วๆ ไป แต่พอถึงยามค่ำคืน กลับขึ้นชื่อว่าเป็นอีกที่ที่น่ากลัว และหลอนมากๆ
คนท้องถิ่นเชื่อกันว่า มีวิญญาณของนักบวชสิงอยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนมักเจอเรื่องแปลกๆ อย่าง ชั้นวางของที่อยู่ๆ ก็สั่นเองได้ หรือเก้าอี้ก็ขยับเองได้ ทำให้เป็นอีกสถานที่ไม่ค่อยจะมีใครกล้าเข้ามาคนเดียวนักแม้จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม
ถ้าย้อนกลับไปในอดีต บริเวณนี้คือ ศาสนสถาน ที่มีทั้ง โบสถ์ สถานที่ศึกษา และชุมชนขนาดย่อมที่มีเฉพาะ แม่ชี และบาทหลวง ทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างโลเคชั่นหลักของ หนังผี เรื่องดัง The Nun ในจักรวาล The Conjuring นั่นเองค่ะ แม้ในหนังจะนำเสนอความอึมครึม บรรยากาศอันน่าขนลุกขนาดไหน แต่ปัจจุบันบอกเลยว่า โบสถ์คาร์ตา แห่งนี้ เป็นโบราณสถานที่น่ามาชมไม่น้อยเลยทีเดียว แต่! อย่ามาเที่ยวคนเดียวก็พอ…
===============
2. Tower of London
หอคอยแห่งลอนดอน อังกฤษ
หลายคนคงรู้จัก หอคอยแห่งลอนดอน Tower of London ที่ประเทศอังกฤษ แห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงลอนดอนเลยค่ะ ติดอยู่อย่างเดียวที่จะทำให้คนไม่ค่อยกล้ามาเที่ยวเท่าไหร่ เพราะว่า ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ “ผีดุ” ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก!
ถ้าเราย้อนเรื่องราวของหอคอยสุดเฮี้ยนแห่งนี้ คงจะพอบอกได้ว่า นองเลือดพอตัว เพราะที่นี่เคยใช้เป็นป้อมขังนักโทษที่มีบรรดาศักดิ์สูง เจ้าหญิง เจ้าชาย หลายๆ พระองค์ เป็นสถานที่สำหรับประหารชีวิต และทรมานนักโทษอีกด้วย ทำให้มีทหารยามหลายคนเคยบอกเล่ากันว่า ในยามค่ำคืน มักจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นที่นี่ อย่าง ผู้หญิงสวมผ้าคลุม ถือศีรษะเดินเล่นริมระเบียงที่ถูกปิดตาย ไม่ก็จะได้ยินเสียงลากโซ่ตรวนดังมาจากในห้องประหาร หรือเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน
3. Island of the Dead Dolls
เกาะตุ๊กตาผี เม็กซิโก
พอได้ยินคำว่า “ตุ๊กตาผี” ภาพในความทรงจำจากหนังหลายๆ เรื่องที่เคยดู ก็ผุดขึ้นมา ส่วนใหญ่ที่เรานึกถึงมักจะเป็นภาพของตุ๊กตาที่ดูน่ากลัว และมีวิญญาณสิงสู่เพื่อทำให้เกิดเหตุร้ายๆ บางอย่าง แต่ที่ เกาะตุ๊กตาผี Island of the Dead Dolls หรือ La Isla de la Munecas ประเทศเม็กซิโกแห่งนี้ มีบรรยากาศที่น่าขนลุกต่างออกไป แม้ตุ๊กตาเหล่านั้นจะนั่งอยู่เฉยๆ ก็ตาม…
เรื่องเล่าของเกาะแห่งนี้ เกิดจาก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่จมน้ำตาย และมี นักพรต คนหนึ่งที่พยายามจะหาศพเด็กผู้หญิงคนนั้นกลับขึ้นมาทำพิธี แต่หาไม่เจอ จนในช่วงหน้าแล้ง ได้มีการค้นหาอีกครั้ง แต่กลับพบตุ๊กตาอยู่ 1 ตัว และเขาก็เชื่อว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นเด็กหญิงที่จมน้ำเสียชีวิต เพราะตั้งแต่เขาพบตุ๊กตาตัวนี้ ก็มักจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เสียงเรียกจากในน้ำ และเสียงร้องต่างๆ ทำให้เขากลับไปที่เกาะนั้นอีกครั้ง และแขวนตุ๊กตาไว้ตามต้นไม้ทุกต้นเพื่อปลอบประโลมวิญญาณของเด็กหญิงที่จมน้ำ ก่อนที่เขาจะถูกพบเป็นศพ เสียชีวิตอย่างปริศนา และลอยน้ำอยู่ในคลองเดียวกัน
===============
4. Corregidor Island
เกาะกอร์เรฮีดอร์ ฟิลิปปินส์
เกาะกอร์เรฮีดอร์ Corregidor Island เป็นเกาะในประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวมะนิลา ค่ะ และเคยเป็นป้อมปราการปืนใหญ่ไว้ปกป้องทางเข้าอ่าวมะนิลา โดยแต่เดิมเกาะแห่งนี้เคยตกเป็นของกองทัพสเปนเมื่อปี ค.ศ.1570-1898 เพื่อใช้เป็นคุก และป้อมปราการ
ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพอเมริกาเข้ามาปรับปรุงเกาะให้เป็นแนวป้องกันในช่วงสงคราม มีการสู้รบกัน ทำให้สูญเสียทหารไปนับพัน จนกระทั่งในสงครามที่ชื่อว่า “Battle for the Recapture of Corregidor”รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตกว่าเจ็ดพันคน ยังไม่รวมทหารญี่ปุ่น ที่ตัดสินใจกระทำเซปปุกุ หรือคว้านท้องตนเองอีก 3,000 นาย ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่มีคนฆ่าตัวตายมากที่สุด
===============
5. Aokigahara
ป่าฆ่าตัวตาย อาโอกิงาฮาระ ญี่ปุ่น
ถ้าพูดถึงสถานที่ที่เคยขึ้นชื่อเรื่องการฆ่าตัวตายมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น คงต้องยกให้ อาโอกิงาฮาระ Aokigahara ป่าหนาทึบเขียวครึ้มที่ปกคลุมอยู่ก่อนทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ โดยในทุกๆ ปี เจ้าหน้าที่จะพบศพของผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 30 ร่าง แต่ภายหลัง ตั้งแต่ปี ค.ศ.2010 เป็นต้นมา มีการติดตั้งป้ายทั้งภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษบริเวณปากทางเข้าป่า เพื่อย้ำเตือนให้คนที่เดินทางมาว่าอย่าคิดสั้น…
นอกจากข่าวการจบชีวิตของคนที่นี่จำนวนมากแล้ว ในเรื่องเล่าของชาวญี่ปุ่นเอง ก็มีความเชื่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้วว่า ป่าแห่งนี้เป็นที่สิงสถิตย์ของวิญญาณต้นไม้ หรือ โคดามะ ที่จะดูดเอาพลังงานชีวิตจากผู้เสียชีวิตกลับคืนเป็นพลังแห่งป่า
อีกทั้งในอดีตช่วงยุคข้าวยากหมากแพงของญี่ปุ่น ยังเคยมีการกระทำที่เรียกว่า อุบาสึเตะ คือ การนำผู้สูงอายุไปทิ้งไว้ในป่า ให้อดอาหารจนตาย แต่บ้างก็ว่าผู้สูงอายุบางคนก็เต็มใจที่จะถูกพาเข้ามาในป่าเอง เพราะไม่ต้องการจะเป็นภาระให้กับคนในครอบครัว
เรื่องราวทั้งหลายของป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยความเศร้า และความน่าขนลุกจนเสียวสันหลัง หลายคนๆ ที่มาพิสูจน์เรื่องราวความหลอนของที่นี่ บางรายก็มีการเห็นภาพหลอน บางคนก็รู้สึกอึดอัดไม่สบาย ออกมาจากป่า ก็ล้มป่วยไปเลยก็มีเช่นกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น